Blog thumbnail

พูดภาษาอังกฤษติดไฟแลบด้วยการทำ Self-Talk ด้วยตนเอง

พูดภาษาอังกฤษติดไฟแลบด้วยการทำ Self-Talk ด้วยตนเอง

Blog thumbnail

หากนักเรียนไมม่มั่นใจในการสนทนาภาษาอังกฤษ ฝึกพูดอย่างไรก็พูดไม่ได้สักที หมดหนทางไม่รู้ต้องทำอย่างไรดี ครูหวานชวนมาฝึกฝน Self-talk ไปด้วกัน แล้วจะพูดภาษาอังกฤษติดไฟแลบเลยค่า

คนไทยหลายคนรวมทั้งตัวครูหวานเองในสมัยก่อน ต่างประสบปัญหาไม่มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ กลัวว่าจะพูดผิดหลักไวยากรณ์ กลัวโดนจับผิดและล้อเลียนจากคนรอบข้าง แต่วันนี้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป!! เพราะครูหวานมีเทคนิค Self-talk มาฝากทุกคนเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษกันค่า ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย!

เทคนิค Self-talk คืออะไร ??

เทคนิค Self-talk หรือการพูดคนเดียวกับตัวเอง คือ การที่เราตั้งคำถามและตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง พยายามดึงความคิดต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวออกมาอธิบายเป็นคำพูดเพื่อบอกตนเอง ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนคนบ้าใช่ไหมคะ แต่ครูหวานค้นพบด้วยตนเองเลยค่ะว่า มันมีประโยชน์และใช้ได้จริง ครูหวานพูดภาษาอังกฤษกับตัวเองตลอดเวลาเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตอนขับรถ ตอนทำความสะอาดบ้าน ตอนทำงาน หรือตอนอาบน้ำ

แล้วเทคนิค Self-talk มันจะช่วยได้จริง ๆ หรอคะ ??

บางคนอาจจะสงสัยว่า ครูคะ แล้วหนูจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่หนูพูดไปมันถูกหรือมันผิดคะ คำตอบคือ นักเรียนจะไม่รู้หรอกค่ะว่ามันถูกหรือมันผิด แต่หัวใจหลักของการฝึก self-talk คือ จะทำให้นักเรียนมีความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษมากและมี fluency หรือความคล่องแคล่วมากขึ้นค่ะ
เทคนิค Self-talk ทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้เลยค่ะ

1. Passion is energy. ความหลงใหลคือพลังงาน

เคยได้ยินไหมคะ หากเรามี passion กับอะไรสักอย่าง เราจะมีแรงฮึดที่พยายามจะไขว่คว้ามันมาให้ได้ เช่นเดียวกันเลยค่ะ อยากพูดภาษาอังกฤษได้ ลองเริ่มจากการหา passion ง่าย ๆ ให้ตัวเองก่อน เช่น อยากมีแฟนเป็นฝรั่ง หรืออยากไปเที่ยวต่างประเทศ

2. เชื่อว่า Making mistakes is the learning process. การทำผิดพลาดคือการเรียนรู้

การมี passion อย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ step ต่อมาก็คือสร้างความมั่นใจให้ตัวเองค่ะ เพราะความมั่นใจสร้างได้จากตนเองเท่านั้น หากเรามัวแต่มีความกลัว เราจะไม่มีความกล้าที่จะเปิดรับโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่เลยค่ะ สมัยตอนที่เรายังเด็ก เราต่างก็เคยอ่านหรือเข้าใจความหมายของบางคำผิดไป แต่พอเราได้เรียนรู้ เราก็จะจำสิ่งที่ถูกต้องไปได้ตลอดชีวิตเลยใช่ไหมคะ

3. เริ่มถามตัวเองด้วยประโยคง่าย ๆ แต่ตอบคำถามนั้นด้วยเรื่องยาว ๆ

เริ่มจากการใช้ Wh-questions หรือคำถามที่มี What (อะไร)When (เมื่อไหร่) Where (ที่ไหน) Who (ใคร) Why (ทำไม) How (อย่างไร) นำหน้า เช่นถามตนเองหลังจากเลิกเรียนว่า
How are you feeling today?
(วันนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง)

แต่เวลาตอบ อย่าตอบแค่ OK นะคะ ให้ตอบโดยการเล่าเรื่องยาว ๆ เช่น ถ้าวันนี้รู้สึกเศร้าเพราะสอบตก ก็เล่าเรื่องให้ตัวเองฟังไปเลยค่ะ

I feel sad today because I didn’t pass the test.
But that’s ok. Next time, I will try harder.
(ฉันรู้สึกเศร้าวันนี้ เพราะว่าฉันสอบไม่ผ่าน
แต่ไม่เป็นไร ครั้งหน้าฉันจะพยายามให้มากขึ้นนะ) เป็นต้นค่ะ

4. อย่าคิดมากเรื่อง accent ให้ไปเน้นที่ pronunciation

หากนักเรียนมัวไปเครียดเรื่อง accent หรือสำเนียง ว่าจะต้องเป๊ะ จะต้องไพเราะเหมือนเจ้าของภาษา นักเรียนจะย่ำอยู่กับที่ค่ะ ฉะนั้นเราจะก้าวผ่าน accent ไปเน้นกันที่ pronunciation หรือการออกเสียงที่ถูกต้องกันค่ะ
เช่น คำว่า language นักเรียนออกเสียงว่าอย่างไรกันคะ
บางคนออกเสียงว่า /’แลงเกว็จ/ หรือ /’แลงเกจ/ ใช่ไหมคะ
ความจริงแล้วเราออกเสียงว่า /’แลงกวิจ/ ค่ะ
และต้องเน้นพยางค์แรก /แลง/ ให้หนักกว่าพยางค์ที่สอง /กวิจ/ ถึงจะถูกต้องนะคะ
ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงภาษาไทยเลยค่ะ เช่นคำว่า หน้าต่าง เราจะไม่ออกเสียงว่า หนาต๊าง ถูกไหมคะ

5. ฝึกคนเดียวมันเหงา หา mirror หรือกระจกเงาสะท้อนปัญหา

เมื่อนักเรียนทำ self-talk จนมีความมั่นใจและมีความคล่องแคล่วแล้ว ก็ถึงเวลาเรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษขึ้นไปอีกหนึ่ง step คือการหาเพื่อนหรือคู่สนทนาที่เสริมแรงบวกให้ตัวเรา กระตุ้นเราให้เรียนรู้ บอกกล่าวแก้ไขข้อผิดพลาดให้เรา ไม่ทำลายความมั่นใจที่เราสร้างมา หากนักเรียนเจอคนแบบนี้แล้ว กอดเขาไว้แน่น ๆ นะคะ แล้วนักเรียนจะพัฒนาแบบก้าวกระโดดจนพูดภาษาอังกฤษได้แบบติดไฟแลบเลยค่า

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเทคนิค self-talk เพื่อพัฒนาการพูดอังกฤษอย่างมั่นใจและคล่องแคล่ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้นักเรียนทุกคนนะคะ มาเก่งภาษาอังกฤษไปพร้อมกันกับครูหวานนะคะ 🙂

Leave your thought here

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Shopping cart

0

ไม่มีสินค้าในตะกร้า

Hit Enter to search or Esc key to close