เวลาเรียนภาษาอังกฤษ นักเรียนหลาย ๆ คนคงเคยเจอคำศัพท์บางคำที่คล้ายกันมาก คล้ายกันจนเราเข้าใจไปเองว่าคำศัพท์เหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้ในบริบทและความหมายเดียวกันได้ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะนักเรียน การที่คำบางคำจะมีลักษณะเหมือนกันนั้น ไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่ามันจะมีความหมายเหมือนกันเป๊ะ ๆ เหมือนที่หลาย ๆ คนเข้าใจค่ะ
วันนี้ครูหวานนำตัวอย่างคำที่ทำให้นักเรียนสับสนจนปวดหัวมาฝากกันค่ะ ไปลุยกันเลย!
1. Desert vs Dessert
Desert /’เด็ซเซิท/ แปลว่า ทะเลทราย ส่วน Dessert /ดิ’เซิท/ แปลว่า ของหวาน ฉะนั้นเวลานักเรียนอยากทานขนมหวาน อย่าไปพูดว่า /’เด็ซเซิท/ นะคะ ได้ทานทรายไม่รู้ด้วยน้า 😀
ตัวอย่าง
– The area of this city is mostly desert.
(พื้นที่ของเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย)
– After lunch, I had ice cream for dessert.
(หลังมื้อกลางวัน ฉันกินไอศกรีมเป็นของหวาน)
– The area of this city is mostly desert.
(พื้นที่ของเมืองนี้ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย)
– After lunch, I had ice cream for dessert.
(หลังมื้อกลางวัน ฉันกินไอศกรีมเป็นของหวาน)
2. Fun vs Funny
Fun /ฟัน/ แปลว่า สนุก ส่วน Funny /’ฟันนิ/ แปลว่า ตลก นักเรียนหลายคนจะสับสนใช้ Funny แทนคำว่า Fun ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามใช้สลับกันแล้วนะคะ
ตัวอย่าง
– Your party was really fun!
(ปาร์ตี้ของคุณสนุกมาก ๆ เลย)
– I will tell you a funny story.
(ฉันจะเล่าเรื่องตลกเรื่องนึงให้คุณฟัง)
– Your party was really fun!
(ปาร์ตี้ของคุณสนุกมาก ๆ เลย)
– I will tell you a funny story.
(ฉันจะเล่าเรื่องตลกเรื่องนึงให้คุณฟัง)
3. Quiet vs Quite
Quiet /’ควฺายเอิท/ แปลว่า เงียบ ส่วน Quite /ไควฺท/ แปลว่า ค่อนข้าง สองคำนี้ถึงจะดูคล้ายกัน แต่หน้าที่ของคำต่างกัน Quiet เป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) แต่ Quite เป็นกริยาวิเศษณ์ (Adverb )ค่ะ
ตัวอย่าง
– I live in a very quiet village.
(ฉันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเงียบสงบแห่งหนึ่ง)
– It’s quite dark outside.
(ข้างนอกค่อนข้างมืดเลย)
– I live in a very quiet village.
(ฉันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเงียบสงบแห่งหนึ่ง)
– It’s quite dark outside.
(ข้างนอกค่อนข้างมืดเลย)
4. Hear vs Here
Hear /เฮีย/ แปลว่า ได้ยิน ส่วน Here /เฮีย/ แปลว่า ที่นี่ สองคำนี้ออกเสียงเหมือนกันเลยค่ะ แต่ใช้ต่างกันนะคะ Hear เป็นกริยา (Verb) ส่วน Here เป็นกริยาวิเศษณ์ (Adverb) ค่ะ
ตัวอย่าง
– Can you hear me?
(คุณได้ยินฉันไหม)
– Get out of here!
(ออกไปจากที่นี่ซะ)
– Can you hear me?
(คุณได้ยินฉันไหม)
– Get out of here!
(ออกไปจากที่นี่ซะ)
5. Homework vs Housework
Homework /’โฮมเวิค/ แปลว่า การบ้าน ส่วน Housework /’เฮาซเวิค/ แปลว่า งานบ้าน ต่างกันแค่คำว่า Home กับ House ก็ความหมายเปลี่ยนไปได้เลยนะคะ
ตัวอย่าง
– Please hand in your homework here.
(กรุณาส่งการบ้านของคุณที่นี่)
– Emily spent all morning doing housework.
(เอมิลี่ใช้เวลาตลอดช่วงเช้าทำงานบ้าน)
– Please hand in your homework here.
(กรุณาส่งการบ้านของคุณที่นี่)
– Emily spent all morning doing housework.
(เอมิลี่ใช้เวลาตลอดช่วงเช้าทำงานบ้าน)
6. Steal vs Steel
Steal /ซตีล/ แปลว่า ขโมย ส่วน Steel /ซตีล/ แปลว่า เหล็ก ถึงสองคำนี้จะออกเสียงเหมือนกันอาจจะเกิดความสับสนได้เลยเวลาได้ยินค่ะ ฉะนั้นดูบริบทดี ๆ นะคะ
ตัวอย่าง
– I saw that boy steal your money.
(ฉันเห็นเด็กผู้ชายนั่นขโมยเงินของคุณ)
– This box was made of steel.
(กล่องนี้ทำมาจากเหล็ก)
– I saw that boy steal your money.
(ฉันเห็นเด็กผู้ชายนั่นขโมยเงินของคุณ)
– This box was made of steel.
(กล่องนี้ทำมาจากเหล็ก)
7. Stationary vs Stationery
Stationary /’ซเตเชอะเนอะริ/ แปลว่า หยุดนิ่ง ส่วน Stationery /’ซเตเชอะเนะริ/ แปลว่า เครื่องเขียน ระวังสะกดผิดแล้วความหมายจะเปลี่ยนนะคะ
ตัวอย่าง
– A stationary object is easy to be aimed at.
(สิ่งที่อยู่นิ่งจะถูกเล็งเป้าหมายได้ง่าย)
– Lucy works at the stationery shop.
(ลูซี่ทำงานที่ร้านเครื่องเขียน)
– A stationary object is easy to be aimed at.
(สิ่งที่อยู่นิ่งจะถูกเล็งเป้าหมายได้ง่าย)
– Lucy works at the stationery shop.
(ลูซี่ทำงานที่ร้านเครื่องเขียน)
8. Woman vs Women
Woman /’วุเมิน/ แปลว่า ผู้หญิงคนเดียว ส่วน Women /’วิมิน/ แปลว่า ผู้หญิงหลายคน นักเรียนระวังเรื่องการสะกดและการออกเสียงดีๆ นะคะ แล้วก็อย่าเผลอไปเติม -s ให้ woman น้า คำนี้เปลี่ยนรูปจ้า
ตัวอย่าง
– Sarah is a beautiful woman.
(ซาร่าเป็นผู้หญิงที่สวย)
– Sean dates a lot of women.
(ฌอนออกเดทกับผู้หญิงหลายคน)
– Sarah is a beautiful woman.
(ซาร่าเป็นผู้หญิงที่สวย)
– Sean dates a lot of women.
(ฌอนออกเดทกับผู้หญิงหลายคน)
9. Piece vs Peace
Piece /พีซ/ แปลว่า ชิ้นหรือเศษ ส่วน Peace /พีซ/ แปลว่า สันติภาพ สองคำนี้เป็นคำที่ออกเสียงเหมือนกัน และเป็นคำนาม (Noun) เหมือนกันด้วย ต้องระวังเรื่องความหมายมาก ๆ เลยนะคะ
ตัวอย่าง
– I’ll have only a piece of pizza.
(ฉันจะกินพิซซ่าแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น)
– We can live together in peace.
(พวกเราอาศัยอยู่ด้วยกันโดยสันติได้)
– I’ll have only a piece of pizza.
(ฉันจะกินพิซซ่าแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น)
– We can live together in peace.
(พวกเราอาศัยอยู่ด้วยกันโดยสันติได้)
10. Exit vs Exist
Exit /’เอ็คซิท/ แปลว่า ทางออก ส่วน Exist /อิก’ซิซทฺ/ แปลว่า มีอยู่หรือดำรงอยู่ แค่เพิ่ม s ไปตัวเดียว ก็ความหมายเปลี่ยนได้เลยค่ะ สองคำนี้เวลาออกเสียงเน้นหนักเบาของพยางค์ในคำให้ถูกต้องด้วยนะคะ
ตัวอย่าง
– Where is the nearest exit?
(ทางออกที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน)
– I don’t think witches exist.
(ฉันไม่คิดว่าแม่มดมีอยู่จริง)
– Where is the nearest exit?
(ทางออกที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน)
– I don’t think witches exist.
(ฉันไม่คิดว่าแม่มดมีอยู่จริง)
เป็นอย่างไรบ้างคะกับตัวอย่างคำศัพท์ที่เรามักจะใช้กันอย่างสับสนที่ครูหวานนำมาฝาก แล้วในการเรียนภาษาอังกฤษนักเรียนเจอคำไหนที่ทำให้สับสนบ้าง คอมเมนต์มาบอกกันบ้างนะคะ ครั้งหน้าครูหวานจะนำตัวอย่างคำที่เรามักจะสับสนมาฝากอีกน้า <3
